วันอังคารที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553

น้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพ...จากกระเจี้ยบ


ส่วนผสม



ดอกกระเจี๊ยบสด/แห้ง 20 กรัม ( 5 ดอก )

น้ำเชื่อม 30 กรัม ( 2 ช้อนคาว )

น้ำเปล่า 200 กรัม ( 14 ช้อนคาว )

เกลือป่นเสริมไอโอดีน 2 กรัม ( 2/5 ช้อนคาว )


วิธีทำ


1.เอาดอกกระเจี๊ยบสดหรือแห้งก็ได้ ล้างน้ำทำความสะอาด นำใส่หม้อต้ม จนเดือด แล้วลดไฟลงอ่อนๆเคี่ยวเรื่อยๆจนน้ำเป็นสีแดงจนเข้มข้น


2.เอาดอกกระเจี๊ยบขึ้นจากหม้อต้ม แล้วเอาน้ำเชื่อมและเกลือใส่ลงไป ปล่อยให้น้ำกระเจี๊ยบเดือด 1 นาที ยกลงชิมรสตามชอบ


3.เอาขวดเปล่ามาล้างทำความสะอาด ต้มในน้ำเดือด 20 นาที นำน้ำกระเจี๊ยบแดงมากรอกแล้วปิดจุกให้แน่น แช่ตู้เย็นเก็บไว้ได้นาน …หรืออีกวิธีหนึ่ง…นำดอกกระเจี๊ยบมาตากแห้ง แล้วนำมาบดเป็นผง นำผงกระเจี๊ยบครั้งละ 1 ช้อนชา ชงในน้ำเดือด 1 ถ้วย(250 มิลลิกรัม)



ประโยชน์ที่ร่างกายได้รับคุณค่าทางอาหาร : ให้วิตามินเอสูงมาก ช่วยบำรุงสายตา รองลงมามี แคลเซียม ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน



คุณค่าทางยา : ช่วยขับปัสสาวะ ลดความดันโลหิต เป็นยาระบายอ่อนๆ และช่วยแก้อาการกระหายน้ำ



ขอขอบคุณที่มา

http://herbal.muasua.com/tag

น้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพ...จากใบเตย



ส่วนผสม


ใบเตย 5 กรัม (1 ใบ )


น้ำเชื่อม 15 กรัม (1 ช้อนคาว )


น้ำเปล่าต้มสุก 240 กรัม (16 ช้อนคาว )




วิธีทำ

-นำใบเตยสดล้างให้สะอาด หั่นเป็นท่อนๆ ใส่หม้อต้มด้วยน้ำสะอาด
-พอเดือดก็ลดไฟลง เคี่ยวไปเรื่อยๆ จนมองเห็นสีของใบเตยสีเขียวอ่อนเจือจาง
-ตักใบเตยออกด้วยการกรองให้เหลือแต่น้ำใบเตย
-เอาเกลือป่นใส่ครึ่งช้อนชา ตามด้วยน้ำเชื่อม
-ปล่อยให้เดือดต่อไปอีก 5 นาที
-อีกวิธีหนึ่ง เอาใบเตยมาล้างให้สะอาด ตากแดดให้แห้งเอาไปคั่วแล้วเก็บใส่ขวด
หรือกระป๋องแบบใบชา ก็จะได้"ชาเตยหอม" เมื่อต้องการดื่มก็เอามาชงแบบชงน้ำชา
กลิ่นหอมชวนดื่ม ราคาถูก



คุณค่าทางอาหาร : ใช้แต่งสีอาหาร เพิ่มกลิ่นหอมให้อาหาร


คุณค่าทางยา : ช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยลดอาการกระหายน้ำ
ทำให้ชุ่มชื่น



ขอขอบคุณที่มา


น้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพ...จากตะใคร้

ตะไคร้เป็นพืชล้มลุกจำพวกหญ้าขึ้นอยู่รวมเป็นกอ อายุหลายปี สูง 1 เมตร ลำต้นตั้งตรงมีข้อและปล้องสั้นค่อนข้างแข็ง ลำต้นส่วนที่อ่อนมีใบเรียงซ้อนสลับกันแน่นมาก กาบใบเป็นแผ่นยาวโอบซ้อนกันจนดูแข็ง ใบเป็นใบเดี่ยว รูปเรียวยาว ปลายใบเรียวแหลม ผิวใบสากมือทั้งสองด้าน ขอบใบมีขนขึ้นอยู่เล็กน้อย ก้านใบสีขาวนวลหรือม่วงอ่อนแผ่เป็นกาบ เมื่อขยี้ดมจะมีกลิ่นหอม ดอกออกเป็นช่อกระจาย ช่อดอกย่อยมีก้านออกเป็นคู่ ๆ ในแต่ละคู่จะมีใบประดับรองรับ แต่ดอกออกยาก


เราได้ลองทำอาหารเพื่อสุขภาพกันแล้วเราลองมาทำน้ำสมุนไพรกัน

บ้างนะคะ วันนี้เราขอนำเสนอน้ำตะใคร้กันค่ะ

ลองทำเลยนะคะ




ส่วนผสม

- ตะไคร้ 20 กรัม(1ต้น )


- น้ำเชื่อม 15 กรัม( 1 ช้อนคาว )


- น้ำเปล่า 240 กรัม( 16 ช้อนคาว )



วิธีทำ


นำตะไคร้มาล้างให้สะอาด หั่นเป็นท่อนสั้น ทุบให้แตก ใส่หม้อต้มกับน้ำ ให้เดือดกระทั่งน้ำตะไคร้ออกมาปนกับน้ำจนเป็นสีเขียวสักครู่จึงยกลง กรองเอาตะไคร้ออก เติมน้ำเชื่อม ชิมรสตามชอบ หรืออาจเอาเหง้าแก่ ที่อยู่ใต้ดิน ล้างให้สะอาดฝานเป็นแว่นบางๆคั่วไฟอ่อนๆพอเหลือง ชงเป็นชา ดื่มวันละ 3 ครั้งๆละ 1 ถ้วยชา จะช่วยขับปัสสาวะให้สะดวก



ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับคุณค่าทางอาหาร : มีวิตามินเอช่วยบำรุงสายตา นอกจากนี้ยังมีแคลเซียม และฟอสฟอรัส ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ช่วยเพิ่มกลิ่นหอมให้กับอาหาร


คุณค่าทางยา : แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด ขับปัสสาวะ ขับเหงื่อได้ดี ช่วยลดพิษของสารแปลกปลอมในร่างกาย รวมทั้งช่วยลดความดันโลหิตสูง



ขอขอบคุณที่มา
http://forum.khonkaenlink.info/index.php?topic=10643.0

วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2553

อาหารเพื่อสุขภาพ...สมุนไพร...ด้วยเมี่ยงคำ

เมี่ยงคำเป็นอาหารว่างไทยที่ควรให้ความสนใจ ควรกลับมาบริโภคกัน เพราะนอกจากให้ประโยชน์ ทั้งคุณค่าสารอาหารแล้ว ยังได้ประโยชน์จากสารพฤกษเคมีจากพืชสมุนไพร เช่น ขิง มะนาว หอมแดง ใบชะพลู เป็นสมุนไพรล้วนๆ งัน้เรามาลองทำกันเลยนะคะ




เครื่องเมี่ยง
มะพร้าวหั่นชิ้นเล็กๆ คั่ว 1 ถ้วย
กุ้งแห้งตัวเล็ก (ชนิดจืด) 1 ถ้วย
ถั่วลิสงคั่ว 1 ถ้วย
หอมแดงหั่นสี่เหลี่ยมเล็กๆ 1/2 ถ้วย
ขิงหั่นสี่เหลี่ยมเล็กๆ 1/2 ถ้วย
มะนาวหั่นทั้งเปลือกสี่เหลี่ยมเล็กๆ 1/2 ถ้วย
พริกขี้หนูหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
ใบชะพลู,ใบทองหลาง
น้ำเมี่ยง
กุ้งแห้งโขลกละเอียด 1/2 ถ้วย มะพร้าวขูดคั่วให้เหลือง 1/2 ถ้วย
ข่าหั่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ ตะไคร้หั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
หอมแดงซอย 1/4 ถ้วย น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วย
กะปิเผา 1 ถ้วย น้ำปลา 1 ถ้วย
วิธีทำ
โขลกข่า ตะไคร้ หอมแดงให้ละเอียด ใส่กะปิโขลกให้เข้ากัน
ใส่น้ำปลาน้ำตาลปี๊บลงในหม้อ ตั้งไฟกลาง ๆ
ใส่เครื่องที่โขลก คนให้เข้ากัน
คี่ยวพอเหนียว ยกลงใส่กุ้งแห้ง มะพร้าวคั่ว
ยกขึ้นตั้งไฟเคี่ยวให้ค่อนข้างเหนียว ยกลง
วิธีรับประทาน
ให้จัดใบชะพลูหรือใบทองหลาง ใส่จาน
วางเครื่องปรุงอย่างละน้อยลงบนใบชะพลูที่จัดเรียงไว้
ตักน้ำเมี่ยงหยอด ห่อเป็นคำ ๆ รับประทาน





คุณค่าทางอาหาร

เมี่ยงคำเป็นอาหารว่างที่มีรสชาติครบทุกรส เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม และเผ็ด เปรี้ยวมาจากมะนาว หวานจากน้ำเมี่ยง มันจากมะพร้าวคั่ว เค็มจากกะปิและน้ำปลา และเผ็ดจากพริกขี้หนู ขิง และหอมแดง และท้ายสุดได้ความหอมของใบชะพลู จากส่วนประกอบของเมี่ยงคำที่กล่าวมา เมี่ยงคำจึงเป็นอาหารว่างของไทยที่จะให้ประโยชน์คุณค่าสารอาหารและสารพฤกษเคมี เช่น ฟลาโวนอยด์ ซึ่งจะได้จากขิง หอมแดง มะนาว เนื่องจากกินผิวมะนาวด้วย นอกจากในปัจจุบันเชื่อว่าใบชะพลู มีฤทธิ์ในการช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้อีกด้วย




ขอขอบคุณที่มาของแหล่งข้อมูล

วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เมณูอาหารเพื่อสุขภาพ...จากแกงส้ม

"แกงส้ม"

เป็นอาหารชนิดหนึ่งที่ถือว่าเป็นอาหารที่มีไขมันต่ำแต่ก็มีคุณค่าทางสารอาหารครบถ้วน โปรตีนจากปลา คาร์โบไฮเดรต และวิตามิน เพราะประกอบไปด้วยผักหลายชนิด
มาลองทำกันดูนะคะ

แกงส้มผักรวม

ส่วนผสม

1 ปลาช่อน ควรจะเป็นปลาช่อนนาที่เลี้ยงโดยธรรมชาติ หลีกเลี่ยงการซื้อปลาช่อนเลี้ยง แล้วนำมาล้างทำ ความสะอาด หั่นเป็นชิ้น ๆ ส่วนหนึ่งนำไปทอดในน้ำมันให้กรอบ อีกส่วนหนึ่งนำไปต้มในน้ำเดือดให้สุก(หรืออาจจะยังไม่ต้องต้มก็ได้

2 ดอกแค เลือกเอาดอกอ่อนๆ แล้วควักเอาเกสรออก ล้างน้ำให้สะอาด แช่น้ำทิ้งไว้

3 ผักกวางตุ้ง เด็ดเป็นใบๆ ล้างน้ำผ่านให้สะอาด หั่นเป็นท่อนทั้งใบและก้าน แล้วแช่น้ำพักไว้

4 ดอกกะหล่ำ หั่นเป็นช่อเล็กๆ แล้วแช่น้ำไว้ทิ้งไว

5 ผักบุ้ง นำไปล้างน้ำผ่านให้สะอาด แล้วเด็ดเป็นท่อนๆ

6 หัวไชเท้า ปอกเปลือกก่อนแล้วนำไปล้างน้ำให้สะอาด หั่นตามยาวเป็นท่อนเล็ก พอดีคำ

7 ถั่วฝักยาว ล้างน้ำให้สะอาด แล้วหั่นเป็นท่อนๆ

8 ผักกระเฉด เด็ดฟองน้ำนุ่มๆ ที่เรียกว่า "นม" ออกเสียก่อน แล้วนำไปล้างน้ำให้สะอาด เด็ดเป็นท่อนๆ

ส่วนผสมเครื่องแกง

1. พริกแห้ง เลือกเอาเม็ดใหญ่ๆ แล้วแช่น้ำไว้

2. เกลือ นิดหน่อย

3. หอมแดงปอกเปลือกออก แล้วซอยบางๆ

4. น้ำมะขามเปียก

5. กระชาย นำมาซอยเป็นชิ้นเล็กๆ

6. น้ำตาลปี๊บ นิดหน่อย ไม่ต้องมาก

7. น้ำปลาอย่างดี

8.กะปิอย่างดี

นำเครื่องแกงทั้งหมด (จำนวนใส่ตามความพอใจ) ใส่ครก แล้วโขลกให้ละเอียด ควรใส่เกลือนิดหน่อยขณะโขลก พราะว่าจะทำให้โขลกง่ายขึ้น เป็นอันเสร็จ (บางคนอาจจะใส่ปลาย่างลงไปก็ได้)
วิธีทำ

1. นำน้ำใส่หม้อแล้วไปตั้งไฟให้ร้อน แล้วนำเครื่องแกงที่เตรียมไว้ใส่ลงไปต้มให้เดือด จนมีกลิ่นหอมออกมา

2. เติมน้ำปลาและน้ำมะขาม แล้วชิมรส จนพอใจ

3. นำปลาช่อนที่ยังไม่ได้ต้มใส่ลงไป เวลาใส่ปลาลงไปน้ำจะต้องเดือด ไม่เช่นนั้นแล้วจะเหม็นคาวทันที บางคนอาจจะเอาปลาช่อนไปต้มก่อน แล้วเอามาโขลกรวมกับเครื่องแกงก็ได้ หรือจะเอาปลาช่อนไปทอดแล้วเอามาใส่ก็ได้เหมือนกัน

4. ใส่ผักที่เตรียมไว้ลงไป ควรใส่หัวไชเท้าก่อน เพราะสุกยากที่สุด แล้วต่อไปก็ใส่ดอกกะหล่ำ ผักกวางตุ้ง ถั่วฝักยาว ดอกแค และสุดท้ายใส่ผักบุ้งเพราะจะสุกง่ายที่สุด

5. เป็นอันเสร็จแกงส้มปลาช่อน ควรรับประทานกับปลาสลิดทอดจะอร่อยมาก
คุณค่าทางอาหาร
"เเกงส้ม"
มีทั้งกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายหลายชนิด มีแคลเซียมช่วยบำรุงกระดูก วิตามินซีช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก ซึ่งมีหน้าที่บำรุงเลือด วิตามินเอ บำรุงสายตา วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 มีเส้นใยและกากใยช่วยย่อยอาหารและทำให้กระบวนการเผาผลาญสารอาหารในร่างกายเป็นไปได้ด้วยดี ทั้งยังช่วยลดคลอเรสเตอรอลในเส้นเลือดและยังสามารถป้องกันโรคความดันโลหิตสูงอีกด้วย



ขอขอบคุณแหล่งที่มาที่ให้ข้อมูลดีๆเพื่อสขภาพ
http://www.skr.ac.th/Work_M5/food_health/orange/orange.htm

วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เมณูอาหารเพื่อสุขภาพ...กับเห็ดฟาง

สวัสดีค่ะ วันนี้เรามารู้จักกับเห็ดฟางกันนะคะ

เห็ดฟางเป็นเห็ดยอดนิยมของคนไทย นิยมเพาะกันบนกองฟางข้าวชื้นๆ โคนมีสีขาว ส่วนหมวกสีน้ำตาลอมเทา หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดตลอดทั้งปีเดิมคนไทยเรียกเห็ดฟางว่า เห็ดบัว เพราะมีเกิดขึ้นได้เองในกองเปลือกเมล็ดบัวที่กะเทาะเมล็ดภายในออกแล้ว ต่อมาเมื่อมีการส่งเสริมให้ใช้ฟางเพาะจึงนิยม เรียกว่า เห็ดฟาง เรามาลองทำเมณูเห็ดฟางกันเลยนะคะ วันนี้ขอนำเสนอ


ผัดกระเพราเห็ดฟาง




ส่วนผสม


เห็ดฟางปอกโคลนออก ถ้าดอกใหญ่ หั่นครึ่ง


ใบกะเพราเด็ดเอาแต่ใบ


พริกขี้หนูแดงโขลกกับกระเทียมและรากผักชี


ซอสปรุง น้ำปลาหรือซีอิ๊วขาว


วิธีทำ

1.เอาน้ำมันดอกทานตะวันหรือถั่วเหลืองใส่ลงในกระทะ

2.ถ้าอยากให้มีกลิ่นน้ำมันงาก็ใส่น้ำมันงา

3.เอาพริกที่โขลกใส่ลงผัดให้หอม

4.เอาเห็ดฟางใส่ คลุกให้ทั่ว

5.สุดท้ายใส่ใบกะเพรา

6.ชิมสักนิด เติมน้ำปลาหรือซีอิ๊วขาวก็เสร็จแล้ว


คุณค่าทางอาหาร



เห็ดฟาง

เห็ดนับว่ามีคุณค่าทางโภชนาการ มีประโยชน์ต่อร่างกายเราเป็นอย่างมาก ธาตุอาหารที่มีอยู่ในเห็ดโดยรวมแล้วก็จะมีสารอาหารประเภท วิตามินเอ วิตามินบี 2 น้ำ โปรตีน ฯลฯคุณประโยชน์จากเห็ดก็มิใช่ย่อย สามารถปกป้องเราได้มากมาย เช่น1.ป้องกันโรคกระดูกอ่อน2.ใช้บำรุงสำหรับคนที่มีโลหิตน้อย3.รักษาอาการเวียนศีรษะเป็นประจำในผู้หญิง4.บรรเทาไข้หวัด อาการปวดศีรษะ5.เป็นยาอายุวัฒนะ6.แก้ปวดประสาท7.สามารถลดไขมัน ในเส้นเลือดได้หมายเหตุ ห้ามให้เด็กที่ออกหัดหรือเป็นอีสุกอีใสรับประทานเห็ด ไม่ว่าจะเป็นเห็ดชนิดใดก็ตาม




ใบกะเพรา


ใบกะเพราสดน้ำหนัก 100 กรัม ให้พลังงาน 46 กิโลแคลอรี ไขมัน 0.3 กรัม คาร์โบไฮเดรต 8.0 กรัม โปรตีน 2.7 กรัม ใยอาหาร 1.3 กิโลกรัม แคลเซียม 310 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 51 มิลลิกรัม เหล็ก 2.2 มิลลิกรัมสรรพคุณทางยา ใบสดใช้บำรุงธาตุไฟ ขับลม แก้ปวดท้อง จุกเสียด คลื่นไส้ อาเจียน แก้ไอ แก้ท้องอืด และแก้โรคกระเพาะ




กระเทียม


กระเทียมมีรสเผ็ด มีกลิ่นช่วยกระตุ้นประสาท มีสารแคลเซียม ฟอสฟอรัสและเหล็ก มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไทฟอยด์ บิด อหิวาห์ คอตีบ และปอดบวม บำรุงกระเพาะ ระงับไอ ขจัดเสมหะ ป้องกันการท้องอืด แน่นท้อง จุกเสียด แก้โรคหลอดเลือดอุดตัน ปวดศีรษะข้างเดียว เป็นการถ่ายพยาธิ รักษาโรคผิวหนัง ช่วยขับปัสสาวะ เพิ่มพูนกำลังวังชาและฆ่าเชื้อโรค ทั้งยังช่วยดูดซับโปรตีนในร่างกายที่จับตัวแข็งได้ดี




พริก

พริก ช่วยขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ เจริญอาหาร ทำให้หลอดลือดอ่อนตัว ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ลดความดันเลือด ช่วยทำให้เลือดหมุนเวียน ช่วยขับลม และช่วยอาการคลื่นไส้อาเจียน



ลองนำไปทำและรับประทานดูนะคะ รับรองว่าคุณค่าทางอาหารเพียบเลยค่ะ


แล้วคราวหน้าจะนำเมณูอาหารที่มีประโยชน์เพื่อสุขภาพมาฝากอีกนะคะ



ขอขอบคุณแหล่งที่มา


วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

อาหารสมุนไพรเพื่อสุขภาพ......จากพริกขี้หนู

วันนี้ขอนำเสนอเมณูแบบ....พริกขี้หนู


พริกขี้หนู....เป็นพริกเม็ดเล็กๆ แต่เวลานำเอามาปรุงเป็นอาหาร จะมีรสชาติและกลิ่นหอมมากกว่าพริกเม็ดใหญ่ๆ ยิ่งเม็ดเล็กก็ยิ่งมีรสและกลิ่นมากขึ้น จึงกลายมาเป็นคำเปรียบเทียบว่าถึงเล็กก็เล็กพริกขี้หนู ยิ่งเอามาผัดคู่กับกระเทียมด้วยแล้ว กลิ่นรสยิ่งชวนชิมมากขึ้นอาหารที่กินคู่กับข้าวกล้องวันนี้ก็เลยเป็นกุ้งกระเทียมผัดพริกขี้หนูแล้ววันนี้เราก็นำเมณูอาหาร สำหรับคนที่ชอบทานรสชาติที่เผ็ดร้อนมาเสนอ แลมีประโยชน์ต่อร่างกายเพื่อสุขภาพที่ดีของเรานะคะ



กุ้งกระเทียมผัดพริกขี้หนู



เครื่องปรุง

1. กุ้งชีแฮ้ย่างไฟพอสุก 2 ขีด

2. เห็ดหอมสด 1 ขีด

3. กระเทียมบุบพอแตก 10 กลีบ

4. พริกขี้หนูบุบพอแตก 10 เม็ด

5. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ

6. น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนชา

7. น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ

8. น้ำมันสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ



วิธีทำ

1. แกะเปลือกกุ้งที่ย่างแล้ว ฉีกเป็นชิ้นพอคำ แล้วพักไว้ เห็ดหอมสดผ่าครึ่ง ล้างให้สะอาด


2. เจียวกระเทียมและพริกขี้หนูในน้ำมันพอหอม ใส่กุ้งและเห็ดหอมลงผัดเติมน้ำปลาและน้ำตาลทรายแดง เติมน้ำเปล่า ลงผัดให้เข้ากัน คนอีกครั้ง ตักขึ้นใส่จานกินกับข้าวกล้องร้อนๆ



หมายเหตุ


กุ้งผัดกระเทียมจานนี้จะมีกลิ่นหอมมากกว่าธรรมดา เพราะว่าเราใช้กุ้งย่างแทนกุ้งสด



สรรพคุณ

กระเทียม
ช่วยลดคอเลสเตอรอล ฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย

พริกขี้หนู
มีสารเบต้าแคโรทีน ช่วยขับเหงื่อ ปัสสาวะ เจริญอาหาร ทำให้หลอดเลือดอ่อนตัวช่วยป้องกันโรคหัวใจเลือดไหลหมุนเวียนดี ลดความดันเลือด

เห็ดหอม
สามารถยับยั้งโรคมะเร็ง

กุ้ง
เพิ่มน้ำนม


ข้าวกล้อง

มีวิตามินบี 1 บี 2 ป้องกันเหน็บชา

*******

อาหารประเภทนี้ เหมาะกับคนที่เป็นไขมันในเลือกสูงและข้าวกล้องที่ช่วยเสริมสร้างส่วนที่สึกหรอและหาไม่ยากมีอยุ่ในครัวเรือนอยู่แล้ว แล้วคราวหน้าจะหาเมณูอาหารมานำเสนอให้ชมกันใหม่นะคะ


*****************************************************


ขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูลค่ะ